เส้นผมแห่งกาลเวลา: ทรงผมไทยโบราณ

7
views

ทรงผมโบราณของคนไทยมีให้เห็นจากหลักฐานบันทึกต่างๆ รูปถ่าย และรูปจิตรกรรมมากมาย ทรงที่นิยมกันทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ล้วนเล่าเรื่องราววิถีชีวิต ความเชื่อ ประเพณี ค่านิยมของชาวไทยในสมัยก่อนที่น่าสนใจมากมาย ทั้งธรรมเนียมในวัยเด็ก ความเชื่อเรื่องเทพ อิทธิวัฒนธรรมและอื่นๆ ตามช่วงเวลาอีกมาก โดยมีทรงผมอยู่หลากหลายทรงที่น่าสนใจ ดังนี้

ทรงผมเด็ก นั้นมีอยู่ 3 ทรง คือ ผมเปียที่ถักไว้ยาวตรงท้ายทอย ผมแกละเป็นกระจุกปอยผมตรงแง่ศีรษะ และผมจุกที่เป็นผมที่ขมวดเก็บไว้ตรงขม่อม เป็นทรงผมที่นิยมมากในทุกที่ โดยเฉพาะในชนชั้นผู้ดี โดยมีธรรมเนียมในโกนผมไฟเด็กอายุ 1 เดือนให้เหลือผมอยู่กระจุกหนึ่งก่อนยาวพอจะรวบเป็นจุก เพื่อเก็บขวัญไว้ แต่ในทางวิทยาศาสตร์ก็เพื่อเอาไว้ปกป้องศีรษะทารกที่ยังบางอยู่ จุกผมนั้นเชื่อว่ามีแล้วจะได้รับการคุ้มครองจากเทพเจ้าซึ่งอาจเป็นความเชื่อจากชาวอินเดีย ส่วนผมโก๊ะนั้นเป็นเพียงคำเรียกผมจุกที่ยังไม่ได้ขมวดเป็นก้อน และยังมีความเชื่อในการเลือกทรงผมของเด็กจากการเลือกตุ๊กตาปั้นที่เด็กเลือกเล่น เมื่อไว้ทรงผมตามตุ๊กตาตัวนั้นแล้วก็จะได้รับความคุ้มครองจากแม่ซื้อ คอยปกป้องให้สุขภาพแข็งแรง

ทรงผมชายหนุ่ม ชายหนุ่มนั้นหันมาตัดผมสั้นกันตั้งแต่หลังการทำสงครามอยุธยาเชียงใหม่ปี 1985 แต่นิยมมากขึ้นหลังการบวชของกลุ่มข้าราชบริพารออกผนวช 8 เดือนของพระบรมไตรโลกนาถ  ในชนชั้นสูงชายหนุ่มไว้ทรงผมเกล้าผม ต่อมาในชนชั้นขุนนาง หรือผู้มีฐานะล้วนไว้ผมสั้นทรงมหาดไทย (ทรงหลักแจว) คือการโกนผมรอบศีรษะและเหลือผมไว้ให้ยาวบริเวณกระหม่อม ซึ่งทรงมหาดไทยนิยมมากและน่าจะได้มาจากชาวมอญ จนกระทั่งสมัยร.5 เสด็จกลับจากสิงคโปร์เมื่อ พ.ศ.2414 ก็โปรดให้คนเปลี่ยนมาตัดรองทรงเหมือนฝรั่งเพื่อไม่ให้ถูกดูหมิ่น ในชนชั้นชาวบ้านชายหนุ่มมักตัดผมสั้นกันอยู่หลายทรง มีการจัดแต่งทรงผมโดยใช้เขม่าผสมน้ำมันตานีมาทาผม กันไรผม หรือแสกกลางผมให้เป็นปีก 2 ข้าง

ทรงผมหญิงสาว ในชนชั้นสูงจะไว้ทรงหนูนยิก(ทรงโซงขโดงฤโองขโดง) คือการเกล้าผมสูงเป็นห่วงยาว และในกลุ่มโขลนจะไว้ทรงรักแครง คือผมมวยกลมไว้ข้างซ้าย การหันมาตัดผมสั้นของผู้หญิงนั้นมีตั้งแต่สมัยเสียกรุงครั้งที่ 1 พ.ศ. 2112 เพราะไม่มีเวลาดูแลผมที่ยาวจึงหันมาไว้ผมทรงปีกที่คล้ายทรงมหาดไทยของผู้ชายและนิยมอย่างยาวนานจนปลายร.4 เริ่มมีคนทำผมทรงดอกกระทุ่มมากขึ้น

ทรงปีกนั้น ตั้งแต่พิธีโกนจุกของผู้หญิงจะมีการคอยกันเก็บรอยไว้เป็นวงกลม และปล่อยให้จุกผมยาวขึ้น หวีขึ้นและใช้น้ำมันตานีให้ตั้งกลายเป็นผมปีก มีทั้งเป็นปีกเดียวหรือ 2 ปีกก็ได้ ส่วนรอบๆปีกก็โกนผมออกและไว้จอนข้างหูให้เป็นผมทัดได้ หรือปล่อยให้ผมยาวเป็นรากไทร นิยมไปจนสมัยธนบุรีถึงรัตนโกสินทร์

ทรงผมใหม่ในสมัยปลายร.4 คือทรงดอกกระทุ่ม ที่จะตัดสั้นทั้งศีรษะและไว้ผมด้านหน้าหวีตั้งสูงอาจแสกกลางก็ได้ ใช้น้ำมันตานีจัดทรงและปล่อยผมด้านหลังยาวถึงบ่า ตั้งแต่ร.5 คนก็หันมาทำผมที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งผมยาวตรง ในร.6 นิยมผมโป่ง ผมบ๊อบ ร.7 นิยมทรงคลื่นมากที่สุด จนสมัยจอมพลป. ให้ผู้หญิงไว้ผมยาวไม่ให้ตัดสั้นเลย

อ้างอิง

อู่ทอง ประศาสน์วินิจฉัย.(2562). จารไว้ในภาพ ๒. คอมแพคท์พรินท์. หน้า 142-153.

บทนิทรรศการโดย: ณัฐชา ธรรมนรเศรษฐ์ นักศึกษาคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

จุกและโก๊ะ วัดอ่างศิลานอก ชลบุรี
ผมแกละ วัดสมุทประดิษฐาราม สระบุรี
ผมเปีย วัดพระสิงห์ เชียงใหม่
วัดภูมินทร์ น่าน
วัดสมุหประดิษฐาราม สระบุรี
วัดสุนทราวาส พัทลุง