ม่วนอกม่วนใจ๋ไปกับเครื่องดนตรีล้านนา

10
views

าวล้านนาเล่นเครื่องเล่นดนตรีกันมาอย่างยาวนาน ทั้งเครื่องดีด เครื่องสี เครื่องตี และเครื่องเป่า เครื่องดีดดนตรีล้านนา ที่เป็นที่นิยมคือ เปี๊ยะ(พิณ) และซึง ในอดีตหากผู้ชายมีฐานะมากพอจะดีดพิณจีบสาว แต่เมื่อราคาเปี๊ยะที่สูงเกินอาจจะเอื้อมถึง หนุ่มล้านนาจึงเล่นซึงและสะล้อไปแอ่วสาวแทน ซึงที่เป็นที่นิยมในการเล่นมากที่สุดคือซึงก๋าง

ว่ากันว่าเปี๊ยะเป็นเครื่องดนตรีราคาสูงและเล่นยาก เดิมทีนิยมเล่นในราชสำนัก หากหนุ่มคนไหนดีดพิณ ก็จะเรียกเสน่ห์ให้ตัวเองจากสาวที่ตนจีบ จะเล่นพิณได้ต้องใช้ความชำนาญถึงจะดีดได้อย่างไพเราะเป็นท่วงทำนองราวกับเสียงระฆังที่หวาน จนได้รับการขนานนามว่า “เต็งพันเมา” หมายถึงเสียงระฆังที่ชวนให้หลงใหลโดยพลัน

ส่วนสะล้อ เป็นเครื่องดนตรีประเภทสี ราคาไม่สูงเท่าพิณแต่เป็นเครื่องดนตรีที่หนุ่มๆเล่นเพื่อจีบสาวเช่นเดียวกับพิณและซึง สะล้อเป็นเครื่องดนตรีประเภทสีเพียงชนิดเดียวของล้านนา และยังมีขลุ่ยเมืองและแน(ปี่เมืองของล้านนา) เป็นเครื่องดนตรีล้านนาประเภทเป่า เมื่อประสมวงรวมกันชาวล้านนานิยมเล่นขลุ่ยเมืองโดยมีสะล้อ ซอ ซึง มีกลองป่งปิง สิ้งและสว่า รวมกันเป็นวงสะล้อซึง(ขลุ่ย)

นอกจากวงสะล้อซอซึงล้านนายังมีวงกลองเต่งถิ้งหรือวงป๊าดก๊อง เป็นวงดนตรีดั้งเดิมของล้านนาที่บรรเลงในงานฟ้อนผีมด-ผีเมง และงานพิธีกรรม เช่นงานศพ ส่วนแนมี ๒ ประเภทคือแนหลวง มีเสียงดังกังวานและแนหน่อยเป็นปี่ขนาดเล็กมีเสียงแหลมเล็ก นิยมเป่าคู่กันตอนเล่นประสมวง ใช้บรรเลงในวงป้าดก๊องและวงตึ่งโนง

 และเครื่องดนตรีประเภทสุดท้ายคือเครื่องตี หลักๆที่เป็นที่นิยมของเครื่องดนตรีล้านนา คือ กลองหลวง กลองหลวงถือเป็นหัวใจของกลองล้านนา ถือเป็นสัญลักษณ์ของศักดิ์ศรีและเกียรติยศของชุมชน อีกชื่อเรียกหนึ่งคือ กลองห้ามมาร เป็นกลองที่ยาวที่สุดของไทย การจะตีกลองหลวงจะต้องผ่านการคัดเลือก โดยดูจากความแข็งแรงของผู้ตี ซึ่งผู้ตีต้องมีการฝึกฝนในการตีมาก่อนเพื่อความกังวานเท่าที่ดังและไกลที่สุดเท่าที่จะตีได้ ความเชื่อของความดังกังวานคือเสียงกลองหลวงสามารถเอาชนะมาร หมายถึงการทะเลาะวิวาทในงานบุญ จึงเป็นที่มาของชื่อ กลองห้ามมาร และอีกกลองที่เป็นที่คุ้นเคยสำหรับเครื่องดนตรีประเภทตีของล้านนาคือกลองสะบัดชัย ในอดีตมักใช้ตีตอนออกรบ ตีในงานรื่นเริงต่างๆ รวมไปถึงการตีเพื่อให้สัญญาณของชาวบ้าน การตีกลองสะบัดชัยต้องอาศัยลีลาในการตี ไม่ได้มีเพียงแค่ใช้มือในการตีแต่อาศัยทั้งศรีษะ ไหล่ ศอก เข่าและเท้า การตีมีความน่าตื่นเต้น และผู้ตีจะแสดงท่าฟ้อนเจิงพลิกแพลงผาดโผนต่างๆ โดยทำนองในการตีมี ๓ ทำนอง คือ ทำนองชัยเภรี ชัยดิถีและชนะมาร

ดนตรีล้านนาไม่ได้เป็นเพียงแค่เสียงบรรเลงที่ธรรมดา แต่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมภาคเหนือซึ่งเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของเครื่องดนตรีดีด สี ตี และเป่า แต่ละเครื่องดนตรีล้วนต่างมีบทบาทในวิถีชีวิตของชาวล้านนา เครื่องดนตรีแต่ละชิ้นถ่ายทอดวัฒนธรรม วิถีชีวิต และความรู้สึกของผู้คน เสียงของสะล้อ ซอ ซึง ขลุ่ย หรือกลองแต่ละใบ ไม่ได้มีไว้แค่เพียงบรรเลงในยามรื่นเริงเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเสียงแห่งความรัก ความไพเราะ ความเชื่อ และความศรัทธา ทุกเสียงที่ถูกบรรเลงทำให้ผู้คนเกิดความอิ่มเอมใจ ความรื่นรมย์ และความผูกพันทางวัฒนธรรม ซึ่งก่อให้เกิดความรู้สึก “ม่วนอกม่วนใจ๋” หรือความสุขใจอย่างเต็มเปี่ยม

อ้างอิง

อู่ทอง ประศาสน์วินิจฉัย. (2562). จารไว้ในภาพ ๑. คอมแพคท์พรินท์. หน้า 162-175.

บทนิทรรศการโดย: นางสาวกชพรรณ อาภรณ์รัมย์ นักศึกษาคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

วัดเกาะกลาง เชียงใหม่
วัดบ้านก่อ ลำปาง
วัดมิ่งมือง น่าน
วัดเวียง ลำปาง
วัดศรีดงเย็น เชียงใหม่
วัดสันป่าเลียง เชียงใหม่
วัดสันป่าเลียง เชียงใหม่